วันศุกร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

ไก่ชนได้ทุกสไตล์...

ไก่ที่ชนได้ทุกสไตล์มีไหม??
เป็นอีกคำถามที่รอคำตอบจากหลายท่าน ...ในความเป็นจริงแทบไม่มีเลย ไก่ที่สามารถชนได้ทุกสไตล์นั้นส่วนมากเป็นไก่ที่มีความสามารถพิเศษเฉพาะตัว จะหาในสายเลือดใดเลือดหนึ่งคงพบยาก แต่หลายท่านก็ได้แต่แสวงหา...ประสบการณ์กว่า 30 ปีในวงการสอนให้รู้ว่าไก่ที่สามารถชนได้ทุกสไตล์นั้นเป็นเพียงไก่บางตัวที่มีลักษณะพิเศษเท่านั้น เมื่อเวลาถ่ายทอดสายเลือดมันจะไม่สามารถถ่ายทอดลักษณะเด่นทั้งหมดอันเป็นลักษณะพิเศษของมันไปยังลูกหลานได้ทั้งหมด

สรุปก็คือมันจะถ่ายทอดสายเลือดแบบขาด ๆ เกิน ๆ ในบางสิ่งบางอย่างเสมอ ดังนั้นเราจึงพบว่าไก่ เก่ง ๆ จะมีมีลูกที่เก่งเหมือนตัวพ่อเลยสักตัว อย่างมากก็ใกล้เคียง

แต่บางตัวเมื่อผสมกับแม่สายเลือดถูกทางกันก็จะได้ความพิเศษที่เหนือกว่าตัวพ่อ..คือเก่งกว่าพ่อ แต่ลักษณะเด่นของพ่อที่มีทั้งหมดก็ไม่ปรากฎในรุ่นลูกทั้งหมดเช่นกัน

ดังนั้นเราจึงพบว่าในการเลี้ยงชนจริง ๆ จะปรากฎในทุกเห่าทุกเชิงทุกปีไป เพียงแต่ว่าไก่สไตล์ใดจะมีมากมีน้อยตามกระแสที่คนเลี้ยงเพาะพัฒนาขึ้นมาเท่านั้นเอง อย่างคนเลี้ยงไก่จะพบว่าตอนนี้ป่าก๋อยก็มาแรงเพราะสามารถปะทะพม่าได้อย่างสนุก ในขณะที่คนเลี้ยงไก่เชิงไทยก็พลอยดีใจเพราจะได้เลี้ยงไก่ไทยไปตีกับป่าก๋อย ส่วนพวกเลี้ยงลูกผสมและพม่าก็หวังว่าจะมาตีกับไก่ไทยดังนี้เป็นต้น

จึงสรุปว่าเก่งที่สุดไม่มีมีแต่งูกินหางกันเรื่อยไป

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ลูกผสมพม่ามาแรง


วันก่อนมีหลายท่านมาที่บ้าน..พูดคุยถามไถ่หลายคำถาม แต่คำถามหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ไก่ลูกผสมที่มาแรงควรเป็นเช่นใด ..โดยเฉพาะลูกผสมพม่า..
จากประสบการณ์ของผู้เขียนที่จำหน่ายไก่ไปหลายตัวเราพบว่า บรรดาลูกร้อยถ้าร้อยจริง ๆ ผ่านยาก ส่วนมากเป็นลูกพัฒนาที่ติดค่าสายอื่นซัก 6-12.% กำลังออกมาสวย เรียกว่าพ่าเกือบ 90% อันนี้ดูแข็งแกร่งเลี้ยงง่าย แต่ถ้าพม่าร้อย ๆ ก็เหมาะเอาไว้เป็นต้นน้ำ..เท่านั้น
แล้วลูกผสมที่มาแรงเป็นเช่นใด คำตอบคือ
1. ลูกผสมพม่าไทย มาแรงต้องติดไทยเยอะ ๆ เกิน 75 % เน้นเชิงชนดีบดบี้ตี ออกแข้งคมเนียนแผลบางเป็นหลัก ไก่พวกนี้เก็บไก่ไทย ไก่ไทยง่อน ไก่ลูกผสมป่าก๋อยได้ดีเยี่ยม  แต่กับพม่าต้องดูที่ลีลา ถ้าพม่าเลือดสูงพวกขยายดีซิ่งดีก็ลำบาก...แต่ไก่สไตล์นี้ปัจจุบันมีมาก น่าเล่นอีกทางหนึ่ง เท่าที่ส่งให้ลูกค้าที่ไม่ระบุลีลาขออย่างเดียวว่าเก่ง ส่งสไตล์นี้ไปมักจะพอใจ
2. ไก่ลูกผสมง่อน ติดง่อนไม่เกิน 12.5% แบบนี้ก็แจ่มใครชอบแข้งคม กระดูกดี ลีลาไม่มากแต่เลี้ยงง่ายแข็งแก่ง มีมันมีน๊อกแบบนี้ก็น่าสนใจ แต่พม่าผสมง่อนล่วนมักจะมีปัญหาออกขายาว ควรหาม่ทรงล่ำเตี้ยและจับมาเป็นสายพันธุ์จะเหมาะกว่า...ปัญหาการผสมแบบนี้คือ จะมีปัญหาความช้ามาให้เห็นอยู่เสมอ แต่ก็เหมาะเลี้ยงชนไก่ไทยหรือลูกผสมรอยใหญ่ ๆ
3. ไก่ลูกผสมบราชิล แบบนี้ควรติดบราชิลไม่เกิน 12.5 เช่นเดียวกัน รูปทรงจะออกเป็นไทย ๆ ไม่เหมือนพม่า เป็นไก่แข้งคมลีลาไม่มาก รอยกลาง ๆ 2.7-2.9 น้ำขนดีเยี่ยม จิตใจใช้ได้ บางเหล่าก็ใจเสาะนะเป็นุกเหล่าแหละ มีแบบนี้ให้เห็นตลอด
4. ไกลูกผสมหลายสาย ถ้าพม่ามากเกิน 75% ลีลาก็ออกทางพม่า ไก่แบบนี้มีเยอะจนบอกไม่ได้ว่าเลือดไหนเท่าไหร่ สไตล์เชิงชนเป็นอย่างไร แต่นักบรีดทั่วไปก็เน้นให้ออกมาสไตล์พม่าคือโยกถอดถอย แข้งหน้าขว้างนำ นี่คือมาตรฐานลูกผสมหลายสาย ถ้าเป็นสไตล์อื่น ๆ ก็มีรูปแบบหลากหลายตามแต่สายเลือดที่ผสมเอาแน่นอนไม่ได้
สรุปทุกวันนี้ไก่ลูกผสมพม่าก็คือไก่พม่าเลือดสูงนั่นเอง ต้องการยืนสายเลือดพม่าคงเหล่ากอเลือดดั้งเดิมไว้เพื่อต่อยอดการพัฒนาในอนาคตให้มีสไตล์เชิงชนแบบพม่านั่นเอง
แหล่้งที่มา : http://www.oknation.net/blog/tongoou

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

ทีเด็ดมือน้ำ--ไก่เด็ด

มือน้ำสำคัญไฉน
คำว่ามือน้ำ หมายถึงคนที่ให้น้ำไก่ในเวลาชนกัน และเรียกกันในเฉพาะบ่อนไก่ การให้น้ำไก่นั้นจะมีความละเอีอ่อนมาก ต้องใช้ความชำนาญในการให้น้ำและเทคนิกต่างๆมากมาย จากประสบการณ์ที่ผ่านมาไก่ทุกตัวถ้ามีการชนกันเมื่อไร ถ้าไม่มีการให้น้ำก่อนหรือหลังชนส่วนมากจะตายทั้งสองฝ่าย คือ ร้อนจนตับแตกตาย ก็ลองสังเกตดูเวลาที่ไก่ลักตีกันทั้งวันโดยที่ไม่มีใครเห็นเลยปรากฎว่าตายทั้งคู่ แต่ถ้าเราเห็นเสียก่อนรีบจับมาให้น้ำทั้งสองตัวไก่ก็จะไม่ตาย มือน้ำจึงเป็นอย่างยิ่งที่จะทำอย่างไรก็ได้ที่จะช่วยเหลือไก่ให้หายเหนื่อยโดยเร็ว ช่วยให้หายปวดเมื่อยตามส่วนต่างๆของร่างกายให้เป็นปกติเท่าที่จะทำได้ มือน้ำที่จะช่วยเหลือไก่ให้คืนสภาพเดิมได้ต้องมีความชำนาญ มีประสบการณ์ และมีความเชี่ยวชาญจริงๆ และก็สามารถทำได้ทุกอย่างโดยไม่รังเกียจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับไก่ เช่นเวลาไขหัวไก่แล้วจะใช้ปากดูดหัวไก่เอาเลือดออก ใช้ปากเป่าจมูกเอาเสลดออกจากจมูก

และลำคอเป็นต้น มือน้ำต้องทำโดยเร็วและต้องแข่งกับเวลาที่ทางบ่อนกำหนดให้ด้วย มือน้ำต้องให้น้ำมือเบาๆ ตามลักษณะความบอบช้ำของไก่ที่กำลังชนกัน แม้แต่การลงกระเบื้องก็เช่นเดียวกันมือน้ำต้องทำด้วยความรอบคอบ อย่าให้กระเบื้องร้อนจัดจนเกินไป การที่กระเบื้องร้อนจนเกินไปนั้น จะทำให้ไก่ตึงตามส่วนต่างๆของร่างกายเนื้อหนังจะสุกเพราะความร้อน ก็จะทำให้ไก่ไม่ยอมตีในยกต่อไป ถ้ามือน้ำให้น้ำไก่ไม่ดีจริงๆ อาจทำให้ไก่ไม่ตีไก่ก็เป็นได้ ถ้าไก่ไม่ตีไก่ 1 ยกเต็มๆโอกาสก็จะเป็นรองเขาตลอดไป เพราะถูกตี 1 ยกเต็มๆ ความบอบช้ำก็จะสะสมอยู่มาก กว่าจะแก้ไขได้ก็อาจเป็นรองเขาไปหลายขุมเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นมือน้ำเท่านั้นที่จะเป็นผู้ที่จะช่วยเหลือให้ไก่คืนสู่สภาพเดิมได้ หรือช่วยให้ดีกว่าเดิมบ้าง ไม่ใช่พอให้น้ำเสร็จเรียบร้อยปรากฎว่าไก่แย่กว่าเดิม แต่ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับสภาพของไก่ด้วยเหมือนกัน มือน้ำจะเป็นผู้ที่รู้ดีในสภาพไก่ที่กำลังให้น้ำอยู่จะช่วยได้มากน้อยแค่ไหนมือน้ำจะเป็นผู้บอกได้เอง

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา มือน้ำบางคนปิดทองหลังพระ บางคนอาภัพ อย่างเช่นมีคนมาจ้างให้น้ำไก่ในระหว่างที่ไก่กำลังชนกันในยกที่ 2-3 มือน้ำคนที่ให้น้ำอยู่ไม่สามารถช่วยได้ ไก่ก็แย่เต็มทีแล้ว พอเปลี่ยนมือน้ำใหม่ ปรากฎว่าไก่อาการดีขึ้นมาตีเขาได้บ้าง ทุกคนต่างก็นิยมชมชอบ และให้กำลังใจมือน้ำ แต่ถ้าบังเอิญมือน้ำใหม่เขาให้น้ำ พอชนในยกต่อไปอาการไม่ดีขึ้น หรือเกิดแพ้ขึ้นมา นี่แหละมือน้ำจะเป็นผู้เสียหายแต่เพียงผู้เดียว และก็จะถูกต่อว่าต่างๆนานา ฉะนั้นการให้น้ำไก่ควรให้ตั้งแต่ยกแรกจนถึงยกสุดท้ายไปเลย เราจะได้แก้สถานการณ์ แก้สภาพของไก่ได้ถูกต้องทันท่วงที เราจะรู้ได้เลยว่าจะแก้ตรงไหนบ้าง การให้น้ำต่อจากคนอื่นนั้น ให้ดีก็ว่าดี ถ้าให้ไม่ดีขึ้นมาบ้างก็จะเป็นผลเสียแก่เรา

คุณสมบัติของมือน้ำที่ดี

1. ต้องไม่เอาเปรียบคู่ต่อสู้(ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ)
2. ต้องมีความเชื่อมั่นในตัวของตัวเองเสมอ
3. ต้องมีความเมตตากรุณาต่อสัตว์
4. ต้องมีจิตใจเป็นนักกีฬาอยู่เสมอ
5. ต้องควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองให้ดี
6. ต้องมีการให้อภัยซึ่งกันและกัน
7. ต้องทำใจให้หนักแน่น เยือกเย็นอยู่เสมอ
8. ต้องมีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อผู้อื่นบ้าง
9. ต้องทำใจให้เป็นกลางอยู่ตลอดเวลา
10. ต้องพยายามหาความรู้ หาประสบการณ์ที่แปลกใหม่อยู่ตลอดเวลา

เพราะฉะนั้นการให้น้ำไก่ มือน้ำต้องยึดอุดมคติ และคุณสมบัติของมือน้ำที่ดีเอาไว้บ้าง เพื่อความถูกต้องของตัวเองและส่วนรวม ถ้ามือน้ำไม่ยึดถือคุณสมบัติของมือน้ำที่ดีแล้ว ความยุติธรรม และความถูกต้องในวงการไก่ชนก็จะไม่มีเลย
อุปกรณ์สำหรับมือน้ำ
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมขาดไม่ได้
1. ผ้าอาบน้ำไก่ 1-2 ผืน
2. กาต้มน้ำ หรือภาชนะอื่นก็ได้
3. เตา - ถ่าน
4. กระเบื้องดินสำหรับประคบ
5. เข็ม ด้ายเบอร์8 เบอร์20 เบอร์30 สำหรับถักปาก เย็บแผล ไขหัว ทวนหัวไก่ และถ่างตา
6. กรรไกร ใบมีด คีมจับเข็ม (สำหรับเย็บแผลในช่องปาก)
7. ขนไก่ (เอาขนหางพัด เพราะอ่อนนิ่มตรง) เหมาะสำหรับทวนค่อยๆ หรือยวนคอ หมุนเบาๆเอาเสลดออกจากคอไก่
8. ขนปีกไซ เป็นขนเส้นใหญ่ สำหรับทวนขาขณะปิดตอ (เดือย) เพื่อไม่ให้พลาสเตอร์ รัดขาเกินไป
9. เครื่องรมควันสมุนไพร เพื่อให้ไก่หายเคล็ดขัดยอกหรือคลายความเจ็บปวดลง เพิ่มความอบอุ่นให้กับไก่ไม่ให้เป็นตะคริว
10. โต๊ะนั่ง 2 โต๊ะ สำหรับมือน้ำและผู้ช่วยมือน้ำ
11. ผ้าหรือกระสอบปูพื้น
12. สมุนไพรตากแห้ง สำหรับรมควันให้ไก่ขณะพักยกให้น้ำ เช่น ใบตะไคร้ ใบเป้า ใบหนาด ขมิ้นแห้ง
13. ใบพลูสดและกระเบื้องประคบลำตัวไก่ ให้หายจากการขัดยอกเจ็บปวด
การให้น้ำไก่เบื้องต้น
ก่อนอื่นต้องเตรียมอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเสียก่อน คือ
1. ผ้ามุ้งบางๆกว้าง 50 ซ.ม ยาว 50 ซ.ม หรือกว้าง ยาวกว่านี้ก็ได้
2. ถังน้ำใบเล็กๆ 1 ใบ
3. กาน้ำร้อน 1 ลูก สำหรับต้มน้ำตะไคร้
4. กระเบื้อง 1 แผ่น
5. เตาถ่านลูกเล็กๆ 1 ลูก
6. ถ่านหุงข้าว เพราะการใช้ถ่านจะทำให้การต้มน้ำ หรือเผากระเบื้อง ไม่เปลืองไฟเท่ากับใช้แก๊ส
ขั้นตอนต่อไป เตรียมไก่มาแล้วนำถุงพลาสติก 2 ใบและให้ใหญ่กว่าปีกไก่ด้วย ใส่ทั้ง 2 ข้าง เอาผ้าชุบน้ำบิดพอหมาดๆ อย่าให้ผ้าเปียกจนเกินไป เพราะจะทำให้บริเวณที่เรานั่งจะเปียก เช็ดตามขนคอก่อน แล้วตั้งแต่หัวลงมาถึงโคนคอพยายามให้เปียกทุกเส้นขน ให้เช็ดลงไปเรื่อยๆตั้งแต่โคนคอไปตามแผ่นหลังพอเปียกหมาดๆ ก็ลงไปที่หน้าอกทั้งสองข้าง การให้น้ำต้องพยายามนวดตามต้นขา คลึงตามต้นขาและข้อเข่าตามหน้าอก คลึงแผ่นหลังระหว่างโคนปีกทั้ง 2 ข้างที่คลึงบริเวณแผ่นหลังนั้นเพื่อต้องการให้เส้นเอ็นหย่อนยานไม่ตึง และทำให้เพื่อเคยชินกับการให้น้ำ พอเสร็จจากการกราดน้ำแล้วต่อมาก็ฝึกหัดลง
7.กระเบื้อง.
การลงกระเบื้องนั้น ถ้าเราไม่รู้วิธีการลง กระเบื้องเลยจะทำให้ไก่ร้อนเนื้อหนังจะพองหมด ส่วนมากจะพองตรงขั่วปีกด้านในหรือขอบอกด้านข้าง ต่อมาก็มาพิจารณาว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ส่วนต่างๆของไก่พองอีก ก็ลองเอาผ้านาบกระเบื้องแล้วรองมานาบหลังมือเพราะหลังมือเป็นส่วนที่บางที่สุด หรือลองนาบที่แก้มดู ถ้าร้อนไม่มากก็นาบตามร่างกายของไก่ได้ ไก่ก็จะไม่ร้อน ไม่พองต้องพยายามทำทุกวัน ความเคยชิน ความชำนาญ จะตามมาแต่พยายามทำมือเบาๆเข้าไว้และต้องทำให้เร็วด้วย เพราะการให้น้ำต้องแข่งกับเวลา ถ้าหากมีการชนกัน
แหล่งที่มา : ไก่ชนดอทคอม
ขอขอบคุณ : ภาพจากอินเตอร์เน็ต



วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

ไก่ชนผิดฟอร์มเกิดจากอะไร??


ไก่ที่ชนผิดฟอร์มนี่เกิดจากหลายสาเหตุลองพิจารณาดูสาเหตุเหล่านี้
1. ไก่ป่วยโดยเฉพาะพวกหวัด หรือป่วยกัมโบโร่ซึ่งเราจะสังเกตยาก บางตัวไก่แข็งแรงไม่แสดงอาการมาก แต่ก็ป่วยภายในกลายเป็นไก่ไม่มีแรงบินหล่น ชนทางยาวไม่ได้ ไม่อยากตีไก่ พวกนี้ต้องสังเกตให้ดีอาจจะพบอาการเหล่านี้ก็ให้สงสัยก่อนเลยว่าป่วยภายใน
2.ไก่เคยป่วยมาเช่นเป็นหวัด เป็นขี้เขียวขี้ขาว เป็นขี้ต๊อก ฯลฯ โรคต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้ไก่ไม่สมบูรณ์ภายในไม่คึกไม่อยากตีไก่ บางตัตีอยู่ดี ๆ หนีเฉยเลยต้องระวังเพราะมันรู้ัวมันดีว่าสู้ไปก็เหนื่อยเปล่า ไก่สมบูรณ์จิตใจจะหึกเหิม
3. ไก่ถูกตีมาเจ็บหนัก พอฟื้นส่วนมากจะชนผิดฟอร์ม เพราะเราใช้ยามาเยอะ หรือเพราะไก่เจ็บใดหรือเดาะ เช่นเอาไก่หนุ่มไปชนไก่ถ่ายแบบนี้ชนะมาก็ป่วนในเลี้ยงไม่ขึ้น
4. ไก่เปลี่ยนสถานที่เลี้ยงหรือสถานที่นอนแบบนี้จะมีปัญหาว่าชนผิดฟอร์ม บางตัวไม่เอาอ่าวเลยกลายเป็นไก่ไม่เก่ง อย่างไก่สั่งมาจากทางเหนือมักจะพบว่าเอามาวันแรกปล้ำวางดูเก่งพอเลี้ยงไปเรื่อยความเก่งหายจ้อยแบบนี้ก็มี เรียกว่าไก่แพ้สถานที่หรือแพ้สิ่งแวดล้อมนั่นเอง
5. ไก่อ้วนหรือผอมเกินไปแบบนี้ก็ชนผิดฟอร์มได้ เวลาเลี้ยงต้องคุมน้ำหนักอย่าให้ขึ้นมาก ถ้าขี้นเป็นขีดอืดแน่ ๆ  ต้องคอยให้ขึ้นนิดหน่อย แต่ไม่ใช่ลดนะคือไก่มันจะโตไปเรื่อยยกเว้นพวกขนสองต้องลด พวกขวบแรกมันจะโตไปเรื่อยเราต้องคอยคุมให้มันเพิ่มทีละนิด ชนครั้งนี้เพิ่ม 1-2 มม. ครั้งต่อไปก็เพิ่มนิดหน่อยประมาณนั้น ไก่จะแข็งแรงสมบูรณ์
6. ไก่เปลี่ยนวิธีเลี้ยงเช่นเคยเลี้ยงโดยออกกำลังกายมาก พาวิ่งอย่างเดียวแบบนี้แข็งแรง พอเปลี่ยนมือท่านมาเลี้ยงแบบวิ่งสุ่ม เตะนวม ล่อหมุนวนแบบนี้ไก่จะชนผิดฟอร์ม

ผู้เขียนเคยได้ไก่เก่งตัวหนึ่งสมัยก่อน นี่พูดแบบคนแก่นะ ซท้อเขามา หมื่นกว่าบาท ตอนอยู่บ้านนอกเขาเลี้ยงกลางทุ่งนาเด็กเลี้ยงควายพาวิ่งทุกเช้าเย็น ใครเหนื่อยก็เปลี่ยนกัน นี่เลี้ยงแบบชาวบ้าน พอเอามาชนมันแข็งแกร่งมากตีไม่เต็มอันจบ ไก่รอย 3.5 ว่องไวมาก พอซื้อมาเลี้ยงไปชนไฟท์แรกเลี้ยงแบบสไตล์เราไก่อืดเลยตีช้ามาก ชนะก็ช้า จึงเปลี่ยนวิธีเลี้ยงใหม่เป็นล่อวิ่งอย่างเดียวเอาตามแบบเดิมผลปรากฎว่ามันกับมาว่องไวเหมือนเดิม จนได้มาชนที่กลางดง 2 ครั้ง เมื่อสมัยปี 2534 นะครับ ซึ่งตอนนั้นสนามนี้ดังที่สุดในประเทศ....ดังนั้นการเปลี่ยนวิธีเลี้ยงไก่ก็จะชนผิดฟอร์ม
7. ไก่ถ่ายขนอันนี้ชนผิดฟอร์มแน่ ๆ  อยากเห็นความเก่งตอนนี้คงไม่เห็นแ
แหล่งที่มา :http://www.oknation.net/blog/tongoou

วันเสาร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2555

การทำ สมุดประจำตัวไก่ชน

สมุดประจำตัวไก่ชน ด้านหน้า
สมุดประจำตัวไก่ชน
การจัดทำสมุดประจำตัว ไก่ชนของกรมปศุสัตว์นี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันโรค และเพื่อให้เกษตรกรได้มีความรู้ความ เข้าใจในการบันทึกประวัติไก่ ของตน เนื่องจากไก่ชนเป็นไก่ที่เลี้ยงไว้เพื่อการกีฬา จะมีการเคลื่อนย้าย หรือนำไปแข่งขันในต่างพื้นที่เป็นประจำ ความจำเป็นในการควบคุมโรคจึงจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกรณีการเกิดโรคระบาดของสัตว์ปีก อย่างไรก็ตามก็ไม่ได้ทิ้งเรื่องการฝังไมโครชิพ แต่จะต้องพัฒนาการฝังชิพไม่ให้ไก่ชนเกิดความรำคาญ ซึ่งจะทำให้ความสามารถในการชนของไก่เปลี่ยนไปได้
กรมปศุสัตว์ได้กำหนดมาตาการเฝ้าระวังและ ควบคุมเคลื่อนย้าย เพื่อป้องกันการระบาดของโรค ดังนี้
1. ผู้เลี้ยงไก่ชนทั้งที่เป็นลักษณะฟาร์มและไม่เป็นลักษณะฟาร์มต้องขึ้นทะเบียน กับกรมปศุสัตว์ ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดพื้นที่ทุกจังหวัด
2. สัตวแพทย์สำนักงานปศุสุตว์จังหวัด จะดำเนินการสุ่มเก็บตัวอย่างจากทุกฟาร์มหรือ ทุกบ้านที่มีการเลี้ยงไก่ชนเป็นประจำทุก ๒ เดือน เพื่อตรวจเฝ้าระวังการเกิดโรคระบาดสัตว์ปีก ซึ่งการดำเนินการเฝ้าระวังเช่นนี้จะดำเนินการกับการเลี้ยงสัตว์ปีกทุกประเภท ไม่เฉพาะการเลี้ยงไก่ชน
3. ไก่ที่มีไว้เพื่อชน ต้องทำสมุดประจำตัวไก่ชน และต้องแสดงสมุดประจำตัวไก่ชน ต่อเจ้าหน้าที่สัตวแพทย์ กรมปศุสัตว์ ในระหว่างทางการเคลื่อนย้าย หรือเมื่อเคลื่อนย้ายถึงปลายทาง เพื่อเจ้าหน้าที่จะได้ตรวจสอบแหล่งที่มาของไก่ชนว่ามีโรคระบาดหรือไม่ และเป็นการอำนวยความสะดวกต่อผู้เลี้ยงไก่ชนในการลดขั้นตอนการขออนุญาต เคลื่อนย้าย นอกจากนี้การจัดทำสมุดประจำตัวไก่ชน ยังเป็นการเพิ่มมาตรฐานการเลี้ยงไก่ชนในประเทศไทยด้วย ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มมูลค่าไก่ชนทั้งภายในประเทศ และส่งออกต่างประเทศได้มาก
สมุดประจำตัวไก่ชน ด้านใน

ขั้นตอนการจัดทำสมุดประจำตัวไก่ชน
1. ปศุสัตว์จังหวัด ประชาสัมพันธ์ให้ผู้เลี้ยงไก่ชนทราบถึงรายละเอียด การจัดทำ สมุดประจำตัวไก่ชน รวมทั้งประโยชน์ที่ได้รับ

วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ข้อควรทำในการเลี้ยงไก่เพื่อไปชน

ข้อควรทำในการเลี้ยงไก่เพื่อไปชน
การเตรียมพร้อมของไก่ที่จะไปชน มันต้องมีกฎระเบียบวินัย ต้องมีการเก็บตัว ที่หลับที่นอนสะอาด ไม่มียุงหรือไรมารบกวน ให้ไก่ได้นอนหลับอย่างเต็มที่ ในตอนเช้าก่อนจะนำไก่ไปออกกำลังกายต้องตรวจดูสุขภาพของไก่ เช่น คลำกระเพาะไก่ว่ามีข้าวอยู่หรือไม่ หากเหลือมีมากน้อยแค่ไหน หากเหลือเยอะหมายถึงข้าวไม่ย่อย อาจจะเกิดอาหารเป็นพิษหรือไม่ก็ไก่ป่วย ควรให้กินน้ำอย่างเดียว และไม่ควรกาดน้ำและออกกำลังกาย พร้อมกับแยกไว้ดูอาการระยะหนึ่งก่อน อีกอย่างคือการพิสูจน์ขี้ไก่ทุกเช้า ว่าขี้ไก่เป็นก้อนระเอียดดีหรือไม่ มีพยาธิปะปนหรือไม่ มีเม็ดข้าวที่ไม่ย่อยหรือไม่ ถ้ามีควรจะหากรวดเล็กๆให้กิน การออกกำลังกาย ควรทำตาข่ายกั้นเป็นห้องอยู่กลางแจ้งกลางดิน ให้ไก่วิ่งสุ่มถูกดินกับได้กินหญ้ากินกรวดไปด้วย ไก่ก็ไม่เครียดมาก หรือถ้ามีเงินหน่อยก็หาเครื่องวิ่งที่เป็นลู่ปร้บความเร็วได้หลายสปีดให้ไก่ออกกำลังกายก็ได้ ส่วนวิธีอื่นๆในการออกกำลังกาย เช่น บินข้ามน้ำ ข้ามกล่อง ข้ามหลุม หรือล้อให้วิ่งวน ล้อให้บิน ล้อให้วิ่งทาง
ยาว สลับการแยงคอและกาดน้ำ จากนั้นจึงติดกระเบื้อง ติดขมิ้นเมื่อแดดเริ่มจ้าแล้ว ถ้าหากเป็นไก่ปั้น ขาเล็กไม่มีกำลังขาหรือขาไม่ดี อาจจะปล่อยเข้าล็อควิ่งสุ่มและกราดแดดไปในตัว ข้อควรจำอย่างหนึ่งในการกราดน้ำ ควรตรวจดูไก่ทุกครั้งตั้งแต่ปาก เล็บ เท้า อุ้งเท้า ว่ามีบาดแผลหรือร่องรอยอะไรหรือไม่ เรื่องของการกราดแดดเพื่อให้ตัวแห้ง หลังจากทำการกราดน้ำ ติดกระเบื้อง ติดขมิ้นแล้ว และให้ไก่หอบสักเล็กน้อย สำหรับไก่ที่มีน้ำหนักมาก อ้วนมาก และมีหนังที่หน้าอกแน่นก็ควรกราดแดดต่อไป แต่ควรระวังอย่าให้ถูกแดดจ้า ควรหาตาข่ายสักสองชั้นหรือกระสอบคลุมสุ่มเอาไว้ เพื่อให้มันรับไอแดดเท่านั้น จนเห็นว่าพอสมควรจึงนำไก่เข้าร่มสักพักเพื่อให้ไก่หยุดหอบแล้วจึงให้ไก่กินน้ำและข้าว เวลาที่เหมาะสมที่จะให้ไก่กินน้ำและข้าว ควรจะเป็นเวลาระหว่าง 09.00-10.00 น. เมื่อไก่กินข้าวเรียบร้อยแล้วก็เอาภาชนะที่ใส่ข้าวออก พร้อมกับตรวจดูว่าไก่กินข้าวตามปกติหรือไม่ ถ้ายังกินตามปกติที่เคยกิน ก็

หมายถึงไก่ปกติแข็งแรงดี ในการให้อาหารไก่นี้ ควรให้ไก่กินข้าวให้อิ่มทุกมื้อ เพื่อให้อาหารสร้างขุมพลังงานให้ไก่ฝึกซ้อมอย่างมีแรง แต่ถ้าหากไก่อ้วนก็ใช้วิธิปล้ำวางให้มาก ออกกำลังกายเพิ่มขึ้นไปอีก กราดแดดให้มาก อย่ากำจัดอาหาร ส่วนการให้น้ำ คนเลี้ยงบางคนก็ให้น้ำกินตลอดเวลา บางคนก็ให้กินน้ำวันละ 2 ครั้ง ซึ่งเรื่องนี้เป็นเทคนิคของแต่ละคน จากนั้นปล่อยให้ไก่พักผ่อนตามสบาย หรือให้ไก่นอน จากนั้นมีอาหารเสริม เช่น ไข่ต้มให้กินทั้งไข่แดง และไข่ขาว โดยเฉลี่ยแล้วไข่ 1 ฟองประมาณไก่ 5 ตัว แต่ก็คำนึงด้วยว่าไก่อ้วนหรือไก่ผอม หากไก่ผอมก็กินมากขึ้นหน่อย หรือจะใช้เป็นพวกเนื้อหรือตับให้กิน โดยหั่นเป็นชิ้นบางๆประมาณ 2 ชิ้น ควรหมั่นหาผักให้ไก่กินด้วย เช่น ไส้แตงกวา ผักกาดหั่น ยอดหญ้าขนอ่อนหั่นเป็นฝอย นับเป็นอาหารเสริมประเภทสมุนไพรธรรมชาติช่วยในการบำรุงและขับถ่ายดี จากนั้นปล่อยให้ไก่พักผ่อนตามสบาย จนถึง 5 โมงเย็น แล้วนำ

วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

การดูบาดแผลและการแก้ไข

การดูบาดแผลของไก่สามารถดูจากจุดใหญ่ของส่วนมากที่ไก่ตีกัน จะมีดังนี้ 
แผลตีตัว จะเป็นแผลที่เจ็บลึกจะสังเกตได้ บริเวณผิวหนังที่ถูกตี ส่วนมากไก่ที่ถูกตีจะแสดงอาการออกให้เห็นชัดเจน คือ ล้ม ชัก ยุบ ขนพอง ไม่เคลื่อนไหวตัว เดินแสดงอาการเจ็บปวด การตีตัวตีได้หลายที่ เช่น
ตีหน้าอก หรือที่เรียกว่าตีสามเหลี่ยม
เข้าปีกตีข้างลำตัว
จับหัวตีแผ่นหลัง
แบกเข่าจิกสันหลังตีผ่าก้น
แผลที่กล่าวมานี้เป็นอันตราย เพราะเป็นแผลที่เจ็บปวด กล้ามเนื้อด้านใน ถ้าโดนตีข้างลำตัว ตีแผ่นหลัง จะทำให้ไก่ที่โดนตีตัวแสดงให้เห็น โดยการเคลื่อนตัวยาก ลำบาก
วิธีแก้
- ใช้น้ำอุ่นประคบ บริเวณที่โดนตี จะคลายความเจ็บปวดลงได้
- ใช้ใบพลูสดพันผ้า ใช้น้ำลาดลงกระเบื้องที่กำลังร้อนประคบ ใช้ฝ่ามือคลึงเบาๆ
- ใช้เครื่องรมให้ความอบอุ่นบริเวณลำตัว เพื่อไม่ให้ไก่ตัวเย็น
แผลโดนตีดุมปีก เป็นแผลเจ็บลึกเหมือนแผลตีตัว จะแสดงอาการปีกตก ดุมปีกจะเป็นผื่น แดงช้ำ บินไม่ถนัด ถ้าโดนมากๆ จะบินขึ้นตีคู่ต่อสู้ไม่ได้
วิธีแก้
ใช้น้ำอุ่นประคบที่บริเวณโคนปีก ใช้ใบพลูสดพันผ้า ใช้น้ำลาดกระเบื้องที่กำลังร้อนประคบให้อุ่นๆ ใช้ฝ่ามือคลึงเบาๆ อาการเจ็บปวดจะลดลงได้
ไก่โดนตีหน้าคอ จะมีอาการคอหด มีอาการบวมใหญ่เหมือนไส้กอก จะชูคอสู้กับคู่ต่อสู้ยาก
วิธีแก้
แก้โดยเอาผ้ากราดน้ำใช้พันด้วยใบพลู ใช้น้ำลาดกระเบื้องที่กำลังร้อนประคบ แล้วนวดคลึงเบาๆ ใช้มืออีกด้านหนึ่งจับคอยกดยึดให้ตรง แล้วนวดบริเวณหน้าคอ จะบรรเทาอาการเจ็บปวดได้
ไก่โดนตีสันคอ จะมีอาการ คอโก่ง ยกคอไม่ขึ้น
วิธีแก้
ใช้น้ำอุ่นประคบ นวดบริเวณสันคอ หลายๆครั้งด้วยกระเบื้องพออุ่นๆ อย่าให้ร้อนเพราะจะทำให้ผิวไก่ไหม้ ใช้มืออีกด้านหนึ่ง ชูคอไก่ขึ้น ใช้ใบพลูลาดกระเบื้องพออุ่นๆ นวดเบาๆ จะทำให้ชูคอสู้คู่ต่อสู้ได้อีก
ไก่โดนตีบ้องหู แผลนี้ไก่จะแสดงอาการเจ็บปวด เพราะหูกับท้ายทอยอยู่บริเวณใกล้เคียงกัน บางครั้งไก่จะออกปากร้องเพราะเจ็บปวดมาก จะทำให้หูและท้ายทอย บวม ตรึง คอเอียงไปทางด้านใด ด้านหนึ่ง จะทำให้ไก่เสียหลัก เสียศูนย์ เข้าเชิงชนไม่ถูก จึงเป็นโอกาสให้คู่ต่อสู้ตี ซึ่งจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้
วิธีแก้
ใช้ผ้ากราดน้ำชุบน้ำอุ่นนวด คลึง บริเวณหู ท้ายทอย หลายๆครั้ง แล้วปล่อยให้ไก่ยืนหรือเดิน เพื่อดูอาการว่าปกติหรือไม่ หากไก่ปกติแล้วนำมาลงกระเบื้องพออุ่นๆ คลึงนวดเบาๆอีกครั้ง แล้วใช้ผ้าคลุมหน้ารมควันให้ไก่พักผ่อน
ไก่โดนตีคางหรือลูกกระเดือก แผลนี้สำคัญ เพราะจะทำให้คอบวม ทำให้หายใจลำบาก จะแสดงอาการหายใจยาก มีเสียงดังในลำคอ หนีได้ง่ายๆ
วิธีแก้
แก้โดยเอาขนไก่ยอนคอ เอาเสลดหรือน้ำลายออกให้หมด ใช้น้ำมันพืชใส่ขนไก่แหย่ลงไปในลำคอค่อยๆ แล้วหมุนเบาๆ และใช้เนื้อมะเขือเทศ หรือส้มเขียวหวานให้กิน เพื่อให้ชุ่มคอ สดชื่น หายใจสะดวก ส่วนแผลบริเวณข้างนอก ให้ใช้ผ้ากราดน้ำชุบน้ำอุ่นมาประคบนวดเบาๆ

วันเสาร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

วิธีดูลักษณะไก่เก่งตอนเล็กๆ

การดูลักษณะไก่เก่งตอนเล็กๆ
1.ลูกไก่ตัวที่ชอบแตกฝูง หมายถึง ลูกไก่ตัวที่ไม่ค่อยอยู่กับฝูง เวลาแม่ของมันพาไปคุ้ยเขี่ยหากิน มันมักจะแยกตัวออกไปหากินห่างจากลูกของมัน เพราะโดยปกติแล้วลูกไก่เล็กๆมันจะคอยติดตามแม่ตลอดเวลา ยิ่งมีอายุมากขึ้น มันจะแยกตัวออกไปหากินห่างแม่ยิ่งขึ้น แสดงให้เห็นว่าลูกไก่ตัวนั้นมีจิตใจเข้มแข็งไม่กลัวใครตั้งแต่เล็กๆ ซึ่งเป็นลักษณะของไก่เก่งทุกตัว ที่มีจิตใจเป็นนักสู้ไม่กลัวใคร ข้อควรระวัง ลูกไก่ที่แยกตัวออกไปหากินห่างแม่ของมัน มักจะไม่รอดปากเหยี่ยว ปากกาและสัตว์ร้ายอื่นๆ เช่น หมา แมว ในกรณีที่ปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติ
2.ลูกไก่ตีหย่าแม่ ลูกไก่ชนโดยทั่วไป เมื่อมีอายุได้ 2-3 เดือน มันจะเริ่มตีกันเพื่อแย่งกันเป็นจ่าฝูง หลังจากนั้นแม่ของมันจะทิ้ง เราเรียกว่า ตีหย่าแม่
ข้อสังเกต เกี่ยวกับลูกไก่สายเลือดไทย พม่า และ เวียตนาม มีดังนี้
ลูกไก่สายเลือดไทย มักจะตีอย่าแม่กันนาน บางตัวถึงกับหนังหัวขาด หัวปีกขาด และสู้กันหลายวัน ดังนั้นต้องคอยระวังและจับแยกขังเดี่ยวสัก 1-2 อาทิตย์ ก็จะเลิกกันไปเอง
ลูกไก่สายเลือดพม่า มักจะตีหย่าแม่กันไม่นาน ส่วนมากจะตีกันครั้งเดียวก็เลิก และมักจะตีกันหน้าตาบวม จับขังแยกสัก 1-2 วัน พอแผลระบมก็จะแพ้กันไปเอง
ลูกไก่สายเลือดเวียดนาม (ไซง่อน) มักจะตีหย่าแม่กันไม่นานเหมือนกับไก่พม่า แต่ปากคม มักจะจิกกันจนหนังหัว หนังคอต้องคอยเย็บ
ลูกไก่ตัวใดที่ไม่ค่อยสู้ไก่ หรือสู้ไม่นานก็ยอมแพ้ ลูกไก่ตัวนั้นเมื่อโตขึ้นชั้นเชิงฝีตีนอาจมีตามสายพันธุ์ แต่จิตใจไม่ค่อยเต็มร้อย และมักจะเป็นไก่ที่สมบูรณ์ สวยงาม เพราะการเจริญเติบโตไม่หยุดชะงักเหมือนตัวที่ตีกันมากๆ และไม่ค่อยมีรอยตำหนิบริเวณหัวและหัวปีก ทั้งนี้ลูกไก่คอกหนึ่งๆจะไม่เก่งทุกตัว ด้วยเหตุนี้นักเลงไก่จึงนิยมเพาะไก่เอง เพราะได้รู้เหล่า รู้สายพันธุ์ รู้ลีลาชั้นเชิงในการชนของมันตั้งแต่ปู่ย่าตายาย และยังรู้นิสัยใจคอมันมาตั้งแต่เล็กๆ ไม่ใช่ดูแต่ความสวยงาม หรือลักษณะโหงวเฮ้งดี เพียงอย่างเดียว
อีกประการหนึ่ง การเพาะไก่เองยังได้รู้นิสัยใจคอของมัน ซึ่งแต่ละตัวไม่เหมือนกัน ตลอดจนความสมบูรณ์ของร่างกาย ไก่ที่ขี้โรคมาตั้งแต่เล็กๆโตขึ้นจะไม่เก่ง แม้ว่าจะมีลีลาชั้นเชิงดีขนาดไหนก็เป็นไก่เก่งไม่ได้ เพราะร่างกายไม่แข็งแรง ไก่เก่งต้องสมบูรณ์ทั้งร่างกายจิใจและฝีตีน
ลูกไก่ตัวใดที่มักจะสู้กับไก่ในฝูงทุกตัว เที่ยวเกะกะระรานเขาไปทั่ว ตีตัวหนึ่งแพ้แล้วจะไปตีอีกตัวหนึ่งจนชนะเขาหมดกลายเป็นจ่าฝูง ไก่ตัวนั้นถ้าอยู่รอดไม่แคระแกร็นหรือพิการไปเสียก่อน รับรองได้ว่าไก่ตัวนั้นมักเป็นไก่เก่ง ถ้ามีลูกไก่ที่กล่าวมา ให้รีบแยกออกมาขังเดี่ยวประมาณ 1-2 อาทิตย์ ก็จะเลิกตีกันไปเอง มิฉะนั้น ลูกไก่ตัวนั้นอาจจะพิการและเสียไก่ไปตั้งแต่เล็กๆ
ในการไปหาซื้อไก่ตามชนบท ที่มีไก่หนุ่มเป็นฝูงๆนั้น ให้เลือกซื้อไก่ตัวที่เป็นจ่าฝูงและมีรอยถูกตีแถวหัว หน้าตา โดยเฉพาะหัวปีก ถ้ามีรอยจิกยิ่งแสดงให้รู้ว่าไก่ตัวนั้นเชิงชนหัวลึก เวลาถูกกอดไม่หงายไพล่จึงถูกจิกหัวปีก ซื้อได้เลย รับรองไม่ผิดหวัง
ข้อสังเกตอีกอย่าง ไก่ที่เป็นจ่าฝูง มักมีขนาดเล็กกว่าไก่ตัวอื่นๆในฝูง เพราะในช่วงเล็กๆ ตีกับเขาไปทุกตัวเลยแกร็น ส่วนตัวใดที่สวยงามรอยโต หน้าตาไม่มีรอยขีดข่วน แสดงว่าไก่ตัวนั้นตอนเล็กๆ ใจไม่ถึงไม่ค่อยสู้ใคร เอาแต่กินจึงโตกว่าเพื่อน
3. ลูกไก่ตัวใดมักจะสู้ไก่ที่ใหญ่กว่า ไม่กลัวหมา กลัวแมว หรือไม่ค่อยกลัวอะไร แสดงให้รู้ว่าไก่ตัวนั้นใจเต็มร้อย โตขึ้นต้องเป็นไก่ที่มีจิตใจเป็นนักสู้ สู้ไม่ถอย ดูแลให้ดีอย่าให้ตีกับไก่ใหญ่ อาจเสียไก่ได้
4. ลูกไก่ที่เวลาเราจับมักดิ้น โดยเฉพาะเวลาจับปาก จับคอ จับคาง จับตุ้มหู มักจะดิ้นสะบัดหลุด หรือจิกเจ้าของ หรือคนจับ แสดงให้เห็นว่า ไก่ตัวนั้นมีจิตใจเป็นนักสู้ ไม่ยอมอะไรง่ายๆ มีความพยายาม เวลาตีจะเป็นไก่ไม่ยอมคู่ต่อสู้ ถือว่าจิตใจใช้ได้ หนีไม่เป็น
5. ลูกไก่ที่มักจะขันตั้งแต่อายุยังน้อย คือ อายุประมาณ 4-5 เดือน เรียกว่าแก่แดด มักเป็นไก่เก่งใจเกินร้อย คือ เป็นลูกไก่ที่พยายามจะเป็นไก่ใหญ่ หรือมีจิตใจเกินตัว เวลาสู้กับคู่ต่อสู้เป็นไก่ที่มีจิตใจทรหดอดทนหนีไม่เป็น
ลักษณะพฤติกรรมเด่นๆ ดังที่กล่าวมา มันเป็นเรื่องพันธุกรรม ที่ถ่ายทอดมาจากพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดของมัน หรือยีนส์ที่แสดงออกถึงเทือกเถาเหล่ากอ แต่จะมีความเด่นมากน้อยแตกต่างกันออกไป ไม่เหมือนกันทุกตัว บางตัวมีมาก บางตัวมีน้อย และมีจุดเด่น จุดด้อยไม่เท่ากัน บางตัวจิตใจไม่เต็มร้อยแต่รูปร่างอาจสวยงาม บางตัวรูปร่างไม่สวยงามแต่มีจิตใจเต็มร้อย
ความลับของไก่เก่ง ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามันอยู่ในกมลสันดานของมันเองมาตั้งแต่เล็ก ทำไมไก่บางตัวมีลักษณะดีสวยงาม ทั้งใบหน้า รูปร่าง เกล็ด แข้งดี ถูกต้องตามตำราโหงวเฮ้งไก่เก่ง แต่ทำไม? จึงตีไม่เก่ง ไม่มีความพยายามในการต่อสู้ ส่วนใหญ่แล้วเพราะใจมันไม่สู้ ใจไม่ถึง พอถูกตีเจ็บ หรือถูกโต้เจ็บมักจะถอดใจง่าย ผิดกับบางตัว ยิ่งเจ็บยิ่งสู้ ยิ่งมีมานะ อาฆาต พยายามตีคู่ต่อสู้ให้เจ็บกว่า นอกจากนี้ไก่เก่งต้องเป็นไก่ฉลาด มีปฏิภาณไหวพริบในเชิงชนของมัน รู้จักหลบหลีกแก้เชิง หรือแก้ทางของคู่ต่อสู้ได้ สิ่งเหล่านี้เราไม่สามารถฝึกสอนมันได้ แต่มันจะมีของมันเอง
ไก่เก่งทุกตัว มักจะมี คุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของมันเอง ไก่บางตัวอาจมีสติปัญญาเป็นเลิศเหนือคุณสมบัติอื่นๆทั้งหมด หรือไก่เชิงซึ่งจะมีลีลาชั้นเชิงในการต่อสู้เป็นเลิศ แต่คุณสมบัติในด้านความทรหดอดทนอาจจะน้อย ไก่บางตัวอาจจะไม่ค่อยฉลาดแต่จะมีคุณสมบัติในด้านความทรหดอดทนเป็นเลิศ มีพลังจิตหรือแรงฮึดสู้ได้จนลมหายใจสุดท้าย เรียกว่า ยอมตายคาสังเวียน
แหล่งที่มา: ฟาร์มไก่ดอทคอม
ภาพประกอบ : อินเตอร์เน็ต

วันอาทิตย์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สมุนไพร รักษาอาการหวัดไก่ชน

สมุนไพร รักษาอาการหวัดของไก่ชน
ขนานที่ 1 
ส่วนผสมของตัวยาต่างๆ 
ยาฉุน
1.ยาฉุน ดอกมะลิแห้ง ผิวมะกรูดตากแห้ง อย่างละ 1ส่วน และ พิมเสน การบูร อย่างละเล็กน้อย การปรุงยาเอาตัวยามารวมเข้าด้วยกัน บดให้ละเอียดเป็นผงเก็บเอาไว้ในขวด ปิดฝาแน่น เก็บเอาไว้ใช้ได้นานๆ
มะลิแห้ง
ขนาดการใช้ เอามาใส่ในสำลี ให้ไก่ดม สูดเอาไอระเหยของตัวยาเข้าไป โดยเอาอังไว้ตรงจมูกไก่พอประมาณ วันละหลายๆครั้ง
สรรพคุณ รักษาอาการเป็นหวัดของไก่ได้ดีมาก นอกจากไก่จะใช้ได้ดีแล้ว คนเราก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน


ขนานที่ 2 
ส่วนผสมของตัวยาต่างๆ
หัวหอมแดง ใบมะขาม ใบส้มป่อย ขมิ้นผง ดินสอพอง พิมเสน เอามาอย่างละ 1 ส่วน
การปรุงยา ขนาดการใช้ สรรพคุณ เหมือนกันกับขนานที่ 1
แหล่งที่มา : ไก่ชนดอทคอม

วันพุธที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สูตรยาเด็ดบำรุงไก่--ไก่ป่าก๋อย--ม้าล่อ

สูตรยาบำรุงไก่ชน-ไก่ป่าก๋อย-ไก่ม้าล่อ

1. ปลาช่อนตัวใหญ่หรือปลาไหลก็ได้ 1ตัว ย่างให้สุก

2. อาหารลูกหมาสุนัข2-3 ขีด

3. กระชายหัวแก่ 2 ขีด

4. กระเทียม 1 หัวใหญ่ ถ้าเป็นฤดูหนาว ฤดูร้อนครึ่งหัว

5. พริกไทย20 เม็ด เพิ่มได้นิดหน่อยในฤดูหนาว ฤดูร้อน(ฮ้อน) 10 เม็ดก็ได้


6. หัวแห้วหมู 1 ขีด


7. ยาดำพอประมาณ

8. ถั่วเหลืองแห้ง 3 ขีด

9. บอระเพ็ดแห้ง 1 ขีด


นำทั้งหมดมาบดละเอียดตากพอหมาดๆจากนั้นเอามาเคี่ยวไฟปานกลางหรืออ่อนๆ กับน้ำตาลปี๊บเพื่อน้ำตาลทำลายอ๊อกซีเจนและความชื้นเพื้อป้องกันเชื้อรา พอได้ที่ความชื้นหมดแล้วก็ปล่อยให้เย็นคลุกให้เข้ากันกับน้ำผึ้งแล้วปั้นเป็นลูกกลอนเท่าเม็ดบ่าตันให้กินวันละ1-2 เม็ด ก่อนนอนจนถึงวันที่นำไก่ป่าก๋อยออกลุย
แหล่้งที่มา : ซุ้มพญาไก่ชน

วันพุธที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ชั้นเชิงของไก่ชน--ไก่เด็ด

การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ไก่ 
โดยปกตินักเลงเล่นไก่ชนมักจะหวงพันธุ์ของแม่ไก่มากกว่าของพ่อไก่ เพราะถือกันว่าสายเลือดของแม่จะให้ได้ลูกไก่พันธุ์ที่ดี วิธีที่จะหาพ่อพันธุ์ให้ได้ไก่เก่ง ท่านต้องเป็นซอกแซกไปเที่ยวตามบ่อนไก่ชนบ่อย ๆ และคอยดูว่าไก่ตัวไหนที่เก่ง คือตีแม่น ชั้นเชิงดี หัวใจทรหด อดทน ไม่หนีง่าย ถ้าไก่ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวนี้ เวลาชนเสร็จแล้วชนะ หรือแพ้ จะตาบอดหรือไม่ก็ตาม เอามาทำพ่อพันธุ์ได้ (ตามตำราบอกว่าเอาไก่ที่แพ้มาทำพ่อไก่มันให้ลูกเด็ดนักแล) ท่านซื้อตอนนั้นราคาอาจจะไม่สูงนัก เพราะนักเลงไก่เขาไม่ค่อยเก็บเอาไว้ แต่ถ้าท่านไม่สามารถทำได้ดังกล่าว ท่านต้องไปหาซื้อเอาตามบ้านนักเล่นไก่ชน ส่วนแม่พันธุ์ก็ควรให้มีคุณสมบัติเหมือนตัวผู้ เพราะการผสมพันธุ์ ถ้าทำโดยวิธีการสุกเอาเผากินแล้วจะทำให้ท่านได้ไก่ดียาก เพราะกว่าจะรู้ว่าตัวไหนดีหรือไม่ดีต้องเสียเวลาอย่างน้อยประมาณ 9 - 10 เดือน
วิธีคัดเลือกแม่พันธุ์ และแม่พันธุ์ไก่ โดยปกตินักนิยมเล่นไก่ชนมักจะเลือกสีเป็นอันดับแรก ดังนั้นไก่ที่จะนำมาเป็นพ่อพันธุ์ควรเลือกจากไก่ที่มีสีดังต่อไปนี้
1. สีเหลืองหางขาว 
2. สีประดู่หางดำ เดือยดำ เล็บดำ ปากดำ (หรือปากคาบแก้ว) 
3. สีเขียวเลา (มีสีเขียวสลับกับสีขาวทั้งตัว หางขาวด้วย) 
4. สีเขียวกา หรือเขียวแมลงภู่ (หางดำ)
เพราะโบราณกล่าวไว้ว่าไก่ 4 สีนี้เป็นสีที่รักเดิมพันมาก ชนได้ราคาแพง ไม่ค่อยแพ้ ส่วนไก่ สีอื่น ๆ นักเลงเล่นไม่นิยมเล่นกัน เพราะเข้าใจว่าเป็นไก่พันธุ์ผสมมาจากสายเลือดอื่น ที่ไม่ใช่ไก่ชนแท้ อาจจะผสมกับไก่โรดส์ หรือไก่เร็คฮอนก็เป็นได้ น้ำใจไก่พวกนี้จึงไม่ทรหดมาก สำหรับแม่พันธุ์นั้นเวลาใช้ผสมพันธุ์ ควรหาให้เป็นสีเดียวกับพ่อพันธุ์ เวลาให้ลูกจะได้สีเหมือนกัน
คุณสมบัติ และลักษณะของพ่อพันธุ์ไก่นอกจากสีของไก่แล้ว พ่อไก่ควรมีคุณสมบัติ และลักษณะดังต่อไปนี้

1. ควรเป็นไก่ที่มีประวัติที่ดี เคยชนชนะจากบ่อนมาแล้ว 
2. ปากต้องใหญ่ มีร่องน้ำ 2 ข้างปากลึก (ปากสีเดียวกับขา) 
3. นัยตาควรเป็นสีขาว (หรือที่เรียกว่าตาปลาหมอตาย หรือตาสีขน สีเดียวกับสร้อยคอ) 
4. คอใหญ่ และปล้องคอถี่ ๆ 
5. หัวปีกต้องใหญ่ และขนปีกยาว 
6. นิ้วเล็กเรียวยาว 
7. เม็ดข้าวสารท้องแข้งใหญ่ และแข้งกลม 
8. สร้อยคอยาวติดต่อกันถึงสร้อยหลัง 
9. หางยาวแข็งและเส้นเล็ก 
10. กระดูกหน้าอกใหญ่และยาว 
11. เดือยใหญ่ และชิดนิ้วก้อยมากที่สุด 
12. อุ้งเท้าบางและเล็บยาว 
13. เกล็ดแข้งใสเหมือนเล็บมือ และมีร่องลึก
ชั้นเชิงของไก่ชนปกติไก่ชนจะมีชั้นเชิงการต่อสู้อยู่ 2 อย่าง คือไก่ตั้ง และไก่ลง ส่วนไก่กอดนั้นเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างพ่อพันธุ์ไก่ตั้ง แม่พันธุ์ไก่ลง หรือพ่อพันธุ์ไก่ลง กับแม่พันธุ์ไก่ตั้ง ลูกออกมาจึงกลายมาเป็นไก่กอด ส่วนนักเลงเล่นส่วนมากชอบไก่ตั้ง เพราะการต่อสู้ของไก่ตั้งนั้นเหนื่อยช้าไม่ต้องวิ่งมาก เพราะยืนคอยดักตีอย่างเดียว แต่บางคนชอบไก่เชิง เพราะไก่เชิงไม่ค่อยเจ็บตัวเวลาเข้าชนจะลักตีขโมยตี ดังนั้นถ้าท่านจะผสมก็ควรเลือกชั้นเชิงไก่ให้เหมือนกัน กล่าวคือ ถ้าท่านชอบไก่เชิง ก็ควรหาตัวเมียที่มีชั้นเชิงเหมือนตัวผู้ ถ้าท่านชอบไก่ตั้ง ก็ควรเลือกตัวเมีย ให้ตั้งเหมือนตัวผู้ ถ้าท่านไม่เลือกชั้นเชิงให้เหมือนกันแล้ว ลูกออกมาจะชนเลอะเทอะเป็นไก่โง่ ควรระวังให้มาก เพราะปกติไม่ค่อยคัดเลือกไก่กัน ผสมกันเรื่อยไปจึงไม่ค่อยได้ไก่เก่ง ได้น้อยตัว
แหล่งที่มา : ฟาร์มไก่ดอทคอม

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

นิสัยไก่พม่า



ไก่ชนพม่าเป็นไก่ชนที่มีความอ่อนไหวมาก...ข้อนี้พึงระลึกเสมอ..อ่อนไหวอย่างไร ...คำว่าอ่อนไหวในที่นี้ขออธิบายดังนี้
1. มีความฉลาดแกมโกง  ตัวเก่ง ฉลาดมากโกงมาก ...อันนี้เป็นธรรมชาติ ไก่ฉลากนิสัยย่อมแตกต่างจากไก่ปกติ กล่าวคือ เขาจะรู้ตนเองเสมอว่าเขาจะสู้หรือถอย...บางตัวถอยโดยไม่บอกกล่าว..ดังนั้นการเลี้ยงไก่พม่าต้องฉลาดเลี้ยงจะเอาอย่างไก่สายเลือดอื่นไม่ได้..ถ้าปล้ำวางยังไม่ถึงกำหนด..ห้ามวางอีก...ได้งานไม่ได้งานก็ต้องปล่อยไว้ก่อนรอจนไก่คึกสมบูรรณ์เต็มที่ค่อยวางอีก...เพราะบาดแผลภายในเราบอกไม่ได้...ว่าเจ็บปวดไหม ปล้ำวางมา 7 วันกล้ามเนื้อส่วนที่เขียวซ้ำจะหายดี แต่ยังไม่สร้างกล้ามเนื้อใหม่มาทดแทนส่วนที่เชลตายไปต้องรอสองสัปดาห์จึงจะสร้างเชลมาทดแทนสมบูรณ์ดี..ดังนั้นไก่พม่าที่ฉลาดเวลาโดนย้ำแผลเดิมเล็กน้อยก็อาจหนีได้...(ยกเว้นพวกลูกผสม) ..ดังนั้นถ้าท่านเลี้ยงพม่าเลือดสูงท่านต้องระวังเรื่องเหล่านี้ให้มากไม่เช่นนั้นท่านจะเสียไก่ตัวดี ๆ ไป...เมื่อมันหน้าแดงคึกสมบูรณ์เต็มที่ค่อยวางมันจะแสดงฝีมืออันสุดยอด...

2. ไก่พม่าอ่อนไหวต่อสิ่งแวดล้อมมากเปลี่ยนที่ เปลี่ยนอาหารเปลี่ยนคนเลี้ยงเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม...มันจะตื่นตกใจ...ดังนั้นใหม่ ๆ ควรให้เวลาเขาปรับตัวเข้ากับสถานที่และคนเลี้ยงก่อน..อย่าใจร้อน ถ้ามันคุ้นเคยสถานที่มันก็สู้ยิบตา..ดังนั้นเวลาเลี้ยงรวมกันบางตัวออกไปชนต้องเอาตัวที่เขาคุ้นเคยไปด้วย..เขาจะได้ไม่ตื่นตกใจ...มือน้ำก็ต้องคนเดิมกับคนเลี้ยง เพราะไก่จะรู้ว่าเป็นคนเดิมไหมที่สัมผัสเขา..มันเรียนรู้ของมันเอง..ไก่พม่าเมื่อเปลี่ยนสิ่งแวดล้อม..อาจจะมีผลต่อพฤติกรรมขอไก่ที่เปลี่ยนไปด้วยโปรดสังเกตให้ดี
3. ไก่พม่าอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงภายในตนเอง เช่น การถ่ายขน การเจ็บป่วย หรือความไม่สมบูรณ์ใด ๆ ที่เกิดภายในตนเองจะทำให้ไก่เปลี่ยนพฤติกรรมด้วย..อย่าได้ตกใจเพราะมันเป็นพฤติกรรมเฉพาะของเขาเอง..
ดังนั้นท่านที่ชื่นชอบพม่าเก่ง ๆ ท่านต้องเข้าใจความอ่อนไหวของเขาด้วย..จะเลี้ยงเหมือนไก่ทั่วไม่ได้นะ..จะ่บอกให้
แหล่้งที่มา : ชมรมคนรักไก่

วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

เลือกซื้อไก่หนุ่ม (มือใหม่่)

ไก่เก่งนั้นจะต้องมีองค์ประกอบที่สำคัญ 2 ประการ คือ
- สายพันธุ์หรือเหล่าที่ดีที่เก่ง
 ลักษณะโหงวเฮ้งดี
ไก่ที่มีสายเลือดไม่ดีแม้จะมีโหงวเฮ้งดี ก็เป็นไก่ไม่เก่ง หรือเก่งได้ไม่นาน คือ จิตใจไม่ดี การซื้อไก่ที่ไม่ได้ปล้ำดูเขาเรียกว่า ไก่เปลือก โอกาสที่จะได้ไก่เก่งนั้นค่อนข้างยาก วิธีการเลือกซื้อไก่รุ่นหนุ่ม รุ่นกระทง มีดังนี้
1. ไก่ฝูง เลือกซื้อไก่ที่เป็นจ่าฝูง และมีร่องรอยการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเล็กๆ เพราะถ้าไม่เก่งคงไม่ได้เป็นจ่าฝูง
2. ดูโหงวเฮ้ง ลักษณะไก่เก่งๆสามารถดูลักษณะโหงวเฮ้งตามตำราไก่เก่งมีดังนี้
 -ใบหน้า ใบหน้ายาวคล้ายนกยูง คางรัดไม่มีเหนียง ตุ้มหูเล็ก ตาเรียวเล็กสดใส ขอบตานูน กระหม่อมรัดมีรอยไขหัว ปากไม่ยาวไม่สั้นเกินไปมีร่องน้ำและไม่งองุ้มมาก หน้าหงอนบางกลางหงอนสูงปลายหงอนกดกระหม่อม เลยตาดำยิ่งดี ลำคอใหญ่ กระดูกปล้องคอถี่
- ลำตัว จับสวย กระดูกโครงสร้างดี อกไม่คด น้ำขนสวย ขนไม่กรอบ หางพัดยาว และหางมีลักษณะคล้ายฟ่อนข้าว
- ปั้นขา ใหญ่และเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ- แข้ง มักเป็นไก่แข้งกลม แข้งเล็ก อย่างคำโบราณที่ว่า "นกแข้งใหญ่ ไก่แข้งเล็ก" ท้องแข้งอิ่มคล้ายลำหวาย ส่วนไก่แข้งเหลี่ยมที่เก่งก็มีแต่ท้องแข้งต้องอิ่ม มักเป็นไก่ลำโต ตีเจ็บ นอกจากนี้เวลาจับไก่ตรงกลางลำตัวแล้วยกขึ้น ให้สังเกตดูถ้าแข้งและนิ้วทั้งหมดของมันเหยียดตรง ถือว่าเป็นไก่ตีแม่น ยิ่งแข้งทั้งสองเหยียดชิดกัน บางตัวเหยียดทับกัน ยิ่งบ่งบอกให้รู้ว่าไก่ตัวนั้นตีแม่น ตีเจ็บ- เกล็ด เกล็ด 2 แถวตลอด หรือเกล็ดปัดตลอด ไม่มีแตกไม่มีแซม
- เกล็ด 3 แถวตลอด หรือเกล็ดพยาครุฑ
- เกล็ดกำไล โดยเฉพาะเกล็ดกำไลคาดตรงเดือย ยิ่งมีทั้งสองข้างยิ่งดี
- เกล็ดกากบาท ที่ตรงเดือย
- เกล็ดบัวหลัง เกล็ดบัวหลังต่ำกว่าเดือย ยิ่งเกล็ดบัวหลังแตกยิ่งดีใหญ่
- เกล็ดก้อยแตก มักเป็นไก่ตีเจ็บ
- เกล็ดนิ้วกลาง ถ้ามีแตก มีแซมมักเป็นไก่ตีเจ็บ ส่วนนิ้วอื่นๆไม่ค่อยแน่นอน
- เกล็ดเม็ดข้าวสารและเกล็ดสังวาลย์ เป็นแถว เป็นแนว เป็นระเบียบดี
อื่นๆก็มี ดูท่วงทีการเดินการยืน ไก่ที่เก่งมักจะยืนเป็นสง่า มีราศี ชูคอ หัวปีกยก และมักเล่นสร้อยหรือสะบัดสร้อยอยู่ตลอดเวลา เสียงขันไก่เก่งมักขันเสียงใหญ่ เสียงดังและสั้น หรือห้วนๆ เช่นโบราณว่า "ขันกระชาก หางลากดิน"

ลักษณะไก่หนุ่ม พันธุ์ต่างๆ

 






ขอขอบคุณ : ไก่ชนดอทคอม